สหพัฒน์เร่งปลุกปั้นเอราวัณสิ่งทอพัฒนาวัตถุดิบ
สหพัฒน์เร่งปลุกปั้นเอราวัณสิ่งทอพัฒนาวัตถุดิบดันไอ.ซี.ซี.ลุยตปท.
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
เครือ สหพัฒน์ วางหมากดันไอ.ซี.ซี.ปั้นสินค้าฟุ่มเฟือยโกอินเตอร์ เร่งพัฒนาธุรกิจต้นน้ำ ปลุกปั้นโรงงานเอราวัณสิ่งทอ ผลิตวัตถุดิบนวัตกรรมเส้นด้ายเบอร์ 60 จุดแข็ง แข่งสินค้าแบรนด์ดัง ลั่นลดความเสี่ยงเบนเข็มป้อนสิ่งทอในประเทศแทนส่งออก หลังเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง สิ้นปีรายได้โต 25% หรือ 1,500ล้านบาท
นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการ บริษัท เอราวัณสิ่งทอ จำกัด ผู้ผลิตสิ่งทอในเครือสหพัฒน์ฯ กล่าวว่า นโยบายเครือสหพัฒน์ต้องการผลักดันให้บริษัทไอ.ซี.ซี. อินเตอร์แนชั่นแนล หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ ขยายตลาดต่างประเทศในเชิงรุกมากขึ้น ดังนั้นจึงหันมาให้ความสำคัญกับการผลิตสิ่งทอภายใต้บริษัทลูกหรือเอราวัณ สิ่งทอ
เพื่อพัฒนาสิ่งทอ ตอบสนองเทรนด์แฟชันที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสามารถแข่งขันกับแบรนด์ดังในต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันเนื้อผ้าและการทอ เป็นปัจจัยหลักการตัดสินใจซื้อ นอกเหนือจากการออกแบบสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้
นอกจาก นี้หลังจากการซื้อโรงงานเอราวัณในช่วง3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของไอ.ซี.ซี.ลดลง และทำให้สินค้าสามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งหากไม่มีการดำเนินธุรกิจถึงต้นน้ำ สินค้าของบริษัทต้องปรับเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าตัว จากปัจจุบันสินค้าไอ.ซี.ซี.ใช้วัตถุดิบการผลิต 70-80% จากโรงงานเอราวัณ ด้วยกำลังการผลิตทอผ้าโดยรวม 30 ล้านหลาต่อปี
ซึ่ง ปัจจุบันส่งออก 60-70% และภายในประเทศ 30-40% โดยบริษัทต้องการลดความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจ จึงปรับสัดส่วนเป็น 50:50 ภายใน 2-3 ปี เนื่องจากผลพวงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่า สุดบริษัทได้พัฒนาการทอเส้นด้ายขนาดเล็กเบอร์ 60 ซึ่งเป็นการทอที่ละเอียดและกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในยุโรป อเมริกา ขณะที่ประเทศไทยการใช้เส้นด้ายลักษณะดังกล่าวยังมีน้อยมาก โดยการผลิตเส้นด้านขนาดเล็ก นับว่าเป็นจุดแข็งของโรงงานเอราวัณ และสามารถผลิตได้ถูกกว่า 6-7 เท่าตัว นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับการบริหารจัดการใหม่ โดยเน้นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรง ซึ่งมีทั้งกลุ่มผู้สั่งซื้อวัตถุดิบและการเป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้า จากเดิมการบริหารโรงงานของญี่ปุ่นเน้นการขายตรงจากหน้าโรงงาน
นาย อำนวย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทกำลังวางแผนนำเส้นด้ายขนาดเล็กเบอร์ 60 มาใช้กับกลุ่มเสื้อผ้าผู้ชาย อาทิ แอร์โรว์ นำร่องก่อน และจากนั้นเตรียมพัฒนาสิ่งทอใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันบริษัทมีสินค้าหลากหลายแบรนด์ โดยเฉพาะบีเอสซีถือว่าเป็นแบรนด์ของบริษัทไอ.ซี.ซี.เอง เพื่อให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 1,500 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 25% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา 1,200 ล้านบาท
ที่มา : www.manager.co.th